An exclusive interview with OK Magazine

[April 13,07] ซูโหย่วเผิง ให้สัมภาษณ์พิเศษเพื่อขึ้นปก OK Magazine

SOURCE: 梦月
OK Magazine ISSUE 0710 2007.5.15

Cover Story: Alec Su – Hopes to find a someone to be together 24/7Horoscope leans toward Aquarius after 30

เรื่องราวพิเศษกับผู้ชายคนนี้...ซูโหย่วเผิง
อยากมีใครสักคนอยู่เคียงข้าง 24/7
หลังอายุสามสิบกับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ราศีกุมภ์

ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ซูโหย่วเผิง ก็เหมือนกับคนทั่วไป ที่อยากมีชีวิตเรียบง่าย ได้เดินจูงมือกับคนรัก และแบ่งปันเรื่องราวต่างๆ ร่วมกัน แต่เพราะการเป็นบุคคลมีชื่อเสียง ทำให้เรื่องธรรมดากลับกลายเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีโอกาสได้ทำ

นักข่าว: หลายปีที่ผ่านมา อะไรที่ทำให้คุณรู้สึกเป็นผู้ใหญ่ขึ้น?
ซูโหย่วเผิง: ความผิดพลาด และอุปสรรคต่างๆ ที่ผ่านเข้ามา

นักข่าว: ในช่วง 3 ปี มานี้ คุณไม่มีเรื่องแบบนั้นแบบเลยเหรอ?
ซูโหย่วเผิง: มี...อืม ปีนี้ผมได้มีการปรับเปลี่ยนตัวเองครั้งใหญ่ เพื่อจัดสรรเวลาสำหรับการทำงานและการพักผ่อนอย่างลงตัว ผมจะไม่ปล่อยให้ตัวเองดูยุ่งเหยิงอย่างนั้นต่อไป จนไม่มีเวลาให้กับคนในครอบครัว

นักข่าว: ถ้าเช่นนั้น อะไรเป็นเป็นองค์ประกอบหลักสำหรับชีวิตคุณในตอนนี้?
ซูโหย่วเผิง: การใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพบนเส้นทางอิสระของตนเอง คุณก็คงจะทราบ การทำงานต่อเนื่องกันทุกวัน ย่อมไม่ใช่ชีวิตที่ดีแน่ มันออกจะกดดันมากไปสักหน่อย

นักข่าว: คุณทำงานหนักอย่างนี้มาตลอดเป็นเพราะว่ามีปัญหาด้านการเงิน หรือ มุ่งหวังความสำเร็จ?
ซูโหย่วเผิง: เมื่อหลายปีก่อนก็จริงที่ผมทำงานเพื่อเก็บเงิน...แต่ในขณะเดียวกัน การทำงานก็เติมเต็มผมให้รู้สึกถึงความสำเร็จเช่นกัน

นักข่าว: คุณเคยประสบกับภาวะย่ำแย่ และมีความจำเป็นต้องใช้เงินอย่างมากงั้นหรือ?
ซูโหย่วเผิง: ใช่ ผมเคยมีช่วงเวลานั้น ก่อนที่จะมีผลงานด้านการแสดง ชีวิตตอนนั้นอยู่ในจุดตกต่ำ ผลงานของผมไม่ได้รับความนิยมเช่นเคย อีกต้องแบกรับภาระจากทางบ้านอยู่ หลายครั้งคุณจะพบว่าสิ่งที่คุณอยากให้เป็นมันไม่เคยเกิดขึ้นเลย

นักข่าว: คนส่วนใหญ่มีความเข้าใจว่านักแสดงไม่มีทางที่จะประสบภาวะหนี้สิน โดยเฉพาะนักแสดงที่โด่งดังตั้งแต่อายุน้อย เช่นคุณ
ซูโหย่วเผิง: ชีวิตก็คือชีวิต ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับนักแสดง ทุกคนย่อมต้องเผิชญหน้ากับสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น ความเปลี่ยนแปลงในชีวิต หรือ ความยุ่งยากที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น.... มันไม่แตกต่างแม้แต่น้อย

นักข่าว: คุณคิดว่าวงการบันเทิงคือโลกสำหรับคนที่มีความฝันหรือเปล่า?
ซูโหย่วเผิง: จากประสบการณ์ของผมในช่วงเวลาที่ผ่านมา วงการบันเทิงเต็มไปด้วยสิ่งล่อใจ และไม่แน่นอน ผมรู้สึกถึงความไม่มั่นคง ถึงแม้ว่าจะสามารถสร้างรายได้ที่ดีก็ตาม แต่ผมได้ก้าวผ่านจุดนั้นไปแล้ว ผมไม่จำเป็นต้องมีชีวิตเพื่อการทำงานเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป ผมสามารถใช้ชีวิตอย่างสมดุลได้

นักข่าว: จากที่คุณบอกมา ถ้าเช่นนั้นอะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกมั่นคง
ซูโหย่วเผิง: ผมคิดว่าความมั่นคงมาจากความต้องการบนพื้นฐานของแต่ละคน เงินอาจเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตแต่ไม่ใช่คำตอบทั้งหมด การทำงานในวงการบันเทิง คุณจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าผู้คนจะชื่นชอบ และให้การยอมรับในตัวคุณไปยาวนานแค่ไหน มันเป็นสิ่งไม่แน่นอน ถ้าคุณคาดหวังว่าจะได้รับกำลังใจจากแฟนๆ ของคุณไปตลอด คงเป็นเรื่องที่ไม่จริงอย่างยิ่ง

นักข่าว: เป็นเพราะคุณติดกับความสมบูรณ์แบบรึเปล่า และยังเป็นคือชาวราศีกันย์อีกด้วย จึงทำให้คิดมากเกินไป?
ซูโหย่วเผิง: ถ้าหากผมทำงานได้ดีแล้ว ผมคงไม่พยายามที่จะดีมากขึ้นไปอีกโดยไม่มีเหตุผล ส่วนเรื่อง
ราศีผมคิดว่าตัวเองเปลี่ยนไปในทิศทางของคนราศีกุมภ์ ซึ่งมีความคิดเป็นของตัวเองไม่ขึ้นกับกลุ่มดาว ถึงแม้จะมีความฝันในอุดมคติ แต่ก็คิดและทำในสิ่งที่เป็นไปได้


นักข่าว: คุณเคยคิดที่จะเลิกอาชีพนักร้อง / นักแสดง?
ซูโหย่วเผิง: ใช่ นั่นเพราะคุณไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่ทำได้ก็เพียงแค่ก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวเท่านั้น

นักข่าว: จากสิ่งที่คุณเก็บสะสมมาทั้งหมด คุณได้นำมันไปใช้ในการซื้อของอะไรที่มีราคาแพงรึเปล่า?
ซูโหย่วเผิง: ผมซื้อเพียงแค่บ้านเท่านั้น ผมไม่ใช่คนสุรุ่ยสุร่าย ของส่วนตัวที่แพงที่สุดของผมคงจะเป็น นาฬิกา Louis Vuitton ราคาของมันประมาณ 30,000 หยวน แต่ถ้าเทียบกับนาฬิกาแบรนด์เนมอื่นๆ แล้ว ก็ถือว่าเป็นราคาปกติ

นักข่าว: ว่ากันว่าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Horoscope?
ซูโหย่วเผิง: ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ผมไม่ได้รู้อะไรมากมาย เพียงแต่รู้สึกว่าหลังจากอายุสามสิบแล้ว ตัวผมมีลักษณะที่สัมพันธ์กับราศีกุมภ์ (Aquarius) มีความคิดเป็นของตัวเองและทำในสิ่งที่เป็นไปได้

นักข่าว: ขอวกกลับมาเรื่องเกี่ยวกับละครเวที มีข่าวตั้งแต่ปีกลายที่ผ่านมา ตอนนี้นี้ไปถึงไหนแล้ว?
ซูโหย่วเผิง: สำหรับเรื่องละครเวที เราไม่ได้มีการแสดงที่ปักกิ่ง...ความจริงแล้วผมชอบละครเพลงมาก และได้มีการวางแผนเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว แต่ทั้งหมดถูกยกเลิกไป ถ้าหากมีโอกาสผมอยากเล่นละครเพลง การได้ทั้งร้องและเต้นพร้อมๆ กัน มันคงจะดีไม่น้อย

นักข่าว: ทราบมาว่าคุณกำลังจะออกอัลบั้มใหม่ในเดือนกรกฎาคมนี้?
ซูโหย่วเผิง: ใช่ และอัลบั้มนี้มีการปรับเนื้อหาไปในทิศทางที่ตลาดต้องการมากขึ้น ซึ่งมันก็กระทบกับแนวทางที่ผมตั้งใจไว้ ทำให้ไม่สามารถทำออกมาได้อย่างที่ต้องการทั้งหมด

นักข่าว: คุณกำลังจะบอกว่าได้ทำมันอย่างดีที่สุดแล้วใช่ไหม?
ซูโหย่วเผิง: มันเหมือนกับว่าคุณต้องมองที่วัตถุประสงค์ เช่น การเขียนไดอารี่ กับ การเขียนหนังสือสักเล่ม ย่อมแตกต่างกัน คุณสามารถเขียนไดอารี่ยังไงก็ได้ตราบใดที่คุณยังรู้สึกสนุกกับมัน แต่ถ้าวันหนึ่งคุณต้องการตีพิมพ์ไดอารี่ของคุณ คุณจำเป็นต้องพิจารณาว่าส่วนไหนคือสิ่งที่คนจะชอบ ดังนั้นนี่ก็คือเหตุผลเดียวกัน

นักข่าว: ถ้าหากคุณมีโอกาสที่จะพบใครก็ได้ คุณอยากจะพบ?
ซูโหย่วเผิง: พระพุทธเจ้า ผมอยากจะถามคำถามเกี่ยวกับชีวิต


นักข่าว: ทำไม?
ซูโหย่วเผิง: ศาสนาพุทธมีปรัชญาและแนวทางในการดำเนินชีวิต ซึ่งถ้ามีโอกาสผมอยากที่จะเรียนรู้ปรัชญาในการดำเนินชีวิตจากพระพุทธเจ้า

นักข่าว: คุณรู้สึกยังไงหากคุณได้พยายามทำอะไรสักอย่าง แต่มันกลับไม่เป็นจริง?
ซูโหย่วเผิง: ตอนนี้ผมไม่มีอะไรที่ผมต้องการเป็นพิเศษ ทุกอย่างปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตา เมื่อคุณไม่เครียดกับมัน ทำในสิ่งที่คุณชอบอย่างเต็มที่ คุณจะรู้สึกผ่อนคลาย และทุกอย่างมักจะเป็นไปด้วยดี


นักข่าว: คุณคิดว่าเรื่องโมแมนติกที่สุดที่คุณยังไม่เคยทำคืออะไร?
ซูโหย่วเผิง: อืมผมก็ไม่รู้สิ อาจจะเป็นการเดินจูงมือกับคนที่ผมรักในที่ๆ ไม่มีใครรู้จักหล่ะมั้ง ที่ผมคิดแบบนี้ เป็นเพราะว่าผมเข้าวงการตั้งแต่อายุยังน้อย ดังนั้นการเดินจูงมือกับใครสักคนดูจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก และผมไม่เคยมีโอกาสได้ทำมาก่อน

นักข่าว: คุณเคยจูบกับใครจริงๆ รึเปล่า ในที่สาธารณะนี่แหละ?
ซูโหย่วเผิง: haha ไม่เคยสิ ผมจะไปเคยทำแบบนั้นได้ยังไง มันออกจะเป็นเรื่องพิลึกสำหรับผม haha
สิ่งที่ผมทำอย่างมากก็เพียงแค่ทำอาหารด้วยกัน แล้วดินเนอร์ใต้แสงเทียน

นักข่าว: ถ้าอย่างนั้นคุณเคยมีเดทมากี่ครั้งแล้วหล่ะ?
ซูโหย่วเผิง: ก็ไม่มาก และผมยังนับมันได้ด้วยนิ้วมือทั้งสองข้างนี่แหละ (ร้ายจริงๆ เลยเนี่ย)

นักข่าว: 9 ครั้ง?
ซูโหย่วเผิง: haha มันไม่มากมายขนาดนั้นหรอก มันไม่เหมือนกับการวาดภาพซึ่งเราสามารถทำได้ตามที่ใจต้องการ หลายๆ คนคงคิดว่า ผมมีเดทมากมายเวลาที่ออกงานต่างๆ แต่ความจริงๆแล้ว มันไม่ใช่ เพราะผมเป็นคนเก็บตัว จึงไม่ค่อยมีเรื่องแบบนี้

นักข่าว: ตอบไม่ตรงคำถาม!
ซูโหย่วเผิง: มันไม่ใช่หรอก การเป็นบุคคลสาธารณะคุณจำเป็นต้องบอกให้สังคมรับรู้ด้วย เมื่อคุณมีความรู้สึกพิเศษกับใคร ผมเพียงแค่ไม่เคยชินกับมันเท่านั้นเอง และในท้ายที่สุดคุณจะไม่มีทางรู้เลยว่า มันเป็นความรัก หรือเพราะกระแสจากคนอื่นๆ

นักข่าว: แล้วตอนนี้คุณกำลังมีความรักรึเปล่า?
ซูโหย่วเผิง: ผมยังคงมีความรู้สึกที่มั่นคงอยู่ (เลี่ยงไม่ใช้คำว่ารักอีกแน่ะ)

นักข่าว: นานแค่ไหน?
ซูโหย่วเผิง: จนถึงตอนนี้ก็นานกว่า 1 ปีแล้ว


นักข่าว: คิดจะแต่งงานไหม?
ซูโหย่วเผิง: ผมคิดว่าในปัจจุบันนี้ไม่มีใครเห็นว่าการแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญ และผมเองก็ค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับการมีลูก

นักข่าว: คนคนนั้นก็คิดเช่นเดียวกับคุณ?
ซูโหย่วเผิง: ใช่ เราทั้งสองคนมีความคิดเช่นเดียวกัน

นักข่าว: ทราบมาว่า คุณเป็นนักอ่านตัวยง?
ซูโหย่วเผิง: ไม่เชิง ผมอ่านหนังสือมากในช่วงที่เป็นนักเรียน เพราะคิดว่าถ้าไม่อ่านหนังสือจะไม่ประสบความสำเร็จ

นักข่าว: ตอนนี้ยังคิดอยากเรียนอะไรอีกไหม?
ซูโหย่วเผิง: เมื่อไม่นานนี้ผมได้มีโอกาสเรียนเกี่ยวกับการออกแบบเวบไซด์ ส่วนตอนนี้กำลังเรียนทางด้านดนตรีอยู่ ผมเคยเรียนเมื่อเปียโนเมื่อยังเด็ก และผมต้องการฝึกฝนมันให้ดียิ่งขึ้นเพื่อที่จะแต่งเพลง อัลบั้มใหม่นี้จะมีเพลงที่ผมแต่งเองอยู่ด้วย

นักข่าว: เรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวคุณที่คนทั่วไปมักจะพูดเกินจริง?
ซูโหย่วเผิง: คงเป็นเรื่องที่คนมองว่าผมยังเป็นเด็กอยู่ตลอดเวลา ความจริงแล้วผมไม่ได้เป็นเช่นนั้น โดยเฉพะช่วงที่อยู่วง เสี่ยวหู่ตุ้ย ผมมักจะถูกพูดถึงอย่างเกินจริงเสมอ
นักข่าว: แล้วมีปฏิกิริยาอะไรกลับไปบ้างรึเปล่า?
ซูโหย่วเผิง: ผมไม่ชอบที่คนยึดติดภาพของผมเพียงแค่ในช่วงขณะหนึ่ง การที่คุณมองผมเพียงมุมเดียวมากเท่าไหร่ ผมยิ่งอยากให้คุณเห็นผมในอีกมุมหนึ่งมากขึ้นเท่านั้น

นักข่าว: คิดอยากให้คนอื่นพูดถึงคุณว่าอย่างไร หลังจากที่คุณตายแล้ว?
ซูโหย่วเผิง: เป็นคำถามที่แปลกมาก พบไม่เคยถูกถามมาก่อน อืมจะบอกว่ายังไงดีเหรอ คงอยากให้พูดว่า ผมเป็นผู้ชายที่ดีนะ

นักข่าว: ดูเหมือนว่าทุกวันนี้ คนจะถูกแบ่งแยกออกเป็นเพียงแค่ดีหรือแย่เท่านั้น?
ซูโหย่วเผิง: งั้นหรือ? ผมเห็นว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่ควรกำหนดให้ชัดเจน ไม่ปล่อยตัวเองให้อยู่ในสภาวะอึมครึม ไม่มีคนดีที่แท้จริงแต่ในขณะเดียวกันกลับไม่มีคนไม่ดีเสียเลย เราควรพยายามที่จะเป็นคนดี


นักข่าว: รู้สึกยังไงบ้างตอนที่อายุครบ 30 ปี?
ซูโหย่วเผิง: ไม่ ผมไม่รู้สึกกระดากอะไร ผมกลับรู้สึกว่าตนเองเปลี่ยนไป มีความสุขุมขึ้น และมีความพร้อมอย่างที่คนอายุสามสิบควรจะเป็น มีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ ผมรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก ในขณะที่ในช่วงอายุยี่สิบปีกลับผ่านไปช้า

นักข่าว: หลังจากที่อายุขึ้นเลขสามแล้ว คุณคิดว่าความสุขคืออะไร?
ซูโหย่วเผิง: ความสงบใจจิตใจ การไม่ยึดติดอยู่กับชื่อเสียง

นักข่าว: ตอนช่วงอายุยี่สิบ คุณเคยคิดไหมว่าในช่วงอายุสามสิบจะเป็นอย่างไร?
ซูโหย่วเผิง: ผมไม่เคยคิดเลย ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเริ่มต้นของการทำงาน คุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร ดังนั้นสิ่งที่คุณจะทำได้คือการทำงานอย่างหนัก ผมไม่มีเวลาที่จะไปฝันถึงอะไรที่มันอยู่สูงเกินไป

นักข่าว: ออกจะเป็นความคิดที่มีทัศนะคติเชิงลบอยู่สักหน่อย?
ซูโหย่วเผิง: ผมเพียงแต่อยู่กับความเป็นจริง ไม่ปล่อยให้ตัวเองอยู่กับความฝันเลื่อนลอย

นักข่าว: ปีที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง?
ซูโหย่วเผิง: เป็นปีที่ดี และมีเรื่องที่สำคัญๆ เกิดขึ้น ครึ่งปีแรกคือผลงานทางจอแก้ว ส่วนครึ่งปีหลัง คือการได้เข้าร่วมเซ็นสัญญากับ HY Bros

นักข่าว: คุณคิดว่าผู้ชายควร ให้ความสำคัญในเรื่องอะไร?
ซูโหย่วเผิง: ความรับผิดชอบ

นักข่าว: ผู้หญิงแบบไหนที่ทำให้รู้สึกประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน?
ซูโหย่วเผิง: ถ้าหากเป็นครั้งแรกพบ แน่นอนว่าคงเป็นที่รูปลักษณ์ภายนอก ผมรู้สึกประทับใจผู้หญิงที่มีบุคลิกดี สำหรับผู้ชายแล้ว ความประทับใจแรกผมเป็นเรื่องค่อนข้างสำคัญทีเดียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมเป็นคนยึดติดกับความสวยงาม ผมไม่ชอบผู้หญิงที่เปิดมากจนเกินไป หรือผู้หญิงที่อยู่ในโอวาทมากจนไม่เป็นตัวของตัวเอง สำหรับผู้ชายแล้ว ความประทับใจแรกผมเป็นเรื่องค่อนข้างสำคัญทีเดียว

นักข่าว: ผู้หญิงที่ชอบเป็นแบบไหน?
ซูโหย่วเผิง: ผู้ชายหรือผู้หญิงก็เหมือนกัน ผมไม่ชอบคนที่เอาแต่ใจตัวเอง เห็นแก่ตัว ผมไม่ใช่คนแบบนั้น ดังนั้นถ้าหากผมพบคนลักษณะนี้ มักจะรู้สึกไม่ดีมากๆ และสำหรับผมในวัยนี้แล้ว ผมชอบคนที่มีความคิดอ่านเป็นผู้ใหญ่ คงไม่เหมาะนักที่จะคบหากับผู้หญิงที่ยังเด็กอยู่ ผมไม่อยากมีเรื่องผิดใจทุกวันนักข่าว: มีอะไรอีกที่ต้องการอยากจะทำ?
ซูโหย่วเผิง: คงเป็นชีวิตการแต่งงาน ผมอยากจะรู้ว่าการใช่ชีวิตร่วมกับใครสักคนมันเป็นยังไง...อืม ผมอยากจะลองดู

นักข่าว: อ้าว ไหนบอกว่ายังไม่คิด?
ซูโหย่วเผิง: haha ความจริงแล้วไม่มีอะไรที่ผมอยากทำเป็นพิเศษ แค่คิดว่าผมยังไม่เคยมีประสบการณ์ชีวิตแต่งงาน หรือการใช้ชีวิตร่วมกับใครสักคนเป็นเวลานานๆ


นักข่าว: เรื่องอะไรที่คุณจะพยายามเท่าไหร่ แต่มันไม่เคยสำเร็จเลย?
ซูโหย่วเผิง: คงจะเป็นการเป็นเพาะกล้ามนี่แหละ ผมพยายามออกกำลังกายเพื่อให้ดูเป็นผู้ชายที่มีกล้าม แต่มันไม่เคยสำเร็จเลย

นักข่าว: ความสามารถในด้านไหนที่คุณอยากมีแต่ว่าทำไม่ได้?
ซูโหย่วเผิง: ผมอยากมีพลังเสียงที่เปล่งออกมาได้ดีกว่านี้ ผมชอบร้องเพลงมาก แล้วถ้าหากชาติหน้ามีจริงผมอยากจะมีเสียงได้อย่าง Whitney Houston’s เพื่อร้องเพลงอะไรก็ได้ที่ผมต้องการ คงจะเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น และมีความสุขมากทีเดียว


บทส่งท้าย
ซูโหย่วเผิง ให้เวลากับพวกเราได้รู้ถึงความคิด และเรื่องราวในอดีตอย่างไม่ปิดบัง ความมีภาพพจน์ที่ดี จริงใจ และเฉียวฉลาดที่แสดงออกมาทำให้เราไม่รู้เลยว่า การเป็นบุคคลสมบูรณ์แบบเช่นนี้ทำให้ซูโหย่วเผิงต้องสูญเสียบางสิ่งไป ทว่าจากประสบการณ์นั่นเองที่ทำให้ทัศนคติในการดำเนินชีวิตมีความชัดเจนยิ่งขึ้น

Makeup Artist: Fujita Sachihiro Clothing: TOMMY HILFIGER LAGERFELD TOD 'S MGP BENETTO SISLEY venues N / Luming Hall


Source: HY Forum & AS (News), ent.qq.com (pic)
Keyword: 独家专访 苏有朋找一个人朝夕相处 OK

No comments: